คดีอาญา

คดีอาญาคือ

คดีอาญา (Criminal Case) คือคดีที่รัฐเป็นโจทก์ฟ้องร้องผู้กระทำความผิดทางอาญา โดยมีบทลงโทษทางอาญา เช่น จำคุก ปรับ หรือประหารชีวิต

คดีอาญาแตกต่างจากคดีแพ่ง ซึ่งเป็นคดีที่คู่กรณีมีข้อพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น เรื่องทรัพย์สิน เรื่องหนี้สิน เรื่องละเมิด หรือเรื่องครอบครัว

ความผิดทางอาญา คือการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอาญา ซึ่งมีบทบัญญัติกำหนดโทษไว้ เช่น การฆ่าคนตาย การทำร้ายร่างกาย การลักทรัพย์ การฉ้อโกง หรือการข่มขืนกระทำชำเรา

คดีอาญามีหลายประเภท เช่น

  • ความผิดต่อชีวิตและร่างกาย: เช่น ฆ่าคนตาย ทำร้ายร่างกาย
  • ความผิดต่อทรัพย์: เช่น ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์
  • ความผิดเกี่ยวกับเพศ: เช่น ข่มขืนกระทำชำเรา อนาจาร
  • ความผิดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม: เช่น การพนัน การค้าประเวณี
  • ความผิดต่อรัฐ: เช่น กบฏ ล้มล้างการปกครอง

การดำเนินคดีอาญาจะเริ่มต้นจากการที่เจ้าพนักงานตำรวจทำการสอบสวนเมื่อมีการแจ้งความหรือพบการกระทำความผิด หากมีมูลความจริงก็จะส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องร้องต่อศาล

ในชั้นศาล ศาลจะพิจารณาจากพยานหลักฐานและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อตัดสินว่าจำเลยมีความผิดจริงหรือไม่ หากศาลตัดสินว่าจำเลยมีความผิดจริง ก็จะมีคำพิพากษาลงโทษตามที่กฎหมายกำหนด

หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีอาญา คุณสามารถศึกษาได้จากแหล่งข้อมูลออนไลน์ต่างๆ หรือปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

คดีอาญาคือ คดีที่เกี่ยวกับการกระทำที่กฎหมายบัญญัติว่า เป็นความผิดและมีโทษทางอาญา

ขั้นตอนและกระบวนการดำเนินคดีอาญา 

1.1 การดำเนินคดีอาญาโดยราษฎร เริ่มจากเมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ราษฎรซึ่งเป็นผู้เสียหาย ก็จะเริ่มต้นด้วยการร้องทุกข์ต่อพนักงานฝ่ายสืบสวน/สอบสวน หรือผู้เสียหายอาจเลือกฟ้องคดีเอง ก็ได้ กรณีฟ้องคดีเองนั้น ผู้เสียหายสามารถแต่งตั้งทนายความเพื่อให้ดำเนินการร่างคำฟ้องและฟ้องคดีต่อศาลได้โดยตรง ขั้นตอนต่อจากนั้นก็จะเป็นกระบวนการดำเนินคดีในชั้นศาลต่อไป แต่หากผู้เสียหายเลือกที่จะเริ่มต้นด้วยการร้องทุกข์อาจร้องต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ จากนั้นเจ้าพนักงานนั้นก็จะจัดทำบันทึกคำร้องทุกข์ แล้วพนักงานสอบสวนก็จะเริ่มทำการสอบสวนและสรุปสำนวนเสนออัยการเพื่อสั่งคดี อันนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลต่อไป
1.2 การดำเนินคดีอาญาโดยรัฐ แยกได้เป็น 2 ประเภท คือ คดีที่เป็นความผิดต่อส่วนตัว และคดีอาญาแผ่นคดี ซึ่งคดีที่เป็นความผิดต่อส่วนตัว เช่น ความผิดฐานฉ้อโกง ยักยอก หรือหมิ่นประมาท รัฐไม่สามารถเริ่มคดีได้เอง การเริ่มดำเนินคดีจะต้องมีการร้องทุกข์จากผู้เสียหายก่อน จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงจะมีอำนาจสอบสวน และอัยการจึงจะมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาล
แต่ถ้าเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน รัฐสามารถดำเนินคดีได้เองโดยลำพัง ไม่ว่าจะมีคำร้องทุกข์ กล่าวโทษ จากบุคคลใดหรือไม่ก็ตาม โดยพนักงานสอบสวนสามารถเริ่มทำการสอบสวนได้เอง ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจจากบทบัญญัติ มาตรา 121 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทั้งนี้ในการดำเนินคดีอาญาในชั้นนี้ก็จะมีบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดถึงสิทธิของผู้ต้องหา และอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ เช่น บทบัญญัติที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามหมายเรียกและหมายอาญา การจับกุม การขัง และการค้น รวมถึงบทบัญญัติเรื่องอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและขั้นตอนรวมทั้งวิธีการสอบสวน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า