เรียกที่ดินคืน

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ❯ มาตรา ๑๓๗๕

การแย่งการครอบครองและการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดิน

ถ้าผู้ครอบครองถูกแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซึ่งการครอบครอง เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์ดีกว่า ซึ่งจะเป็นเหตุให้เรียกคืนจากผู้ครอบครองได้ ทั้งนี้การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครอง ตามมาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ผู้ครอบครองอาจถูกแย่งการครอบครองได้ในกรณีดังต่อไปนี้
          ก. ถูกแย่งเอาทรัพย์สินโดยตรง
          ข. กรณีมีผู้ครอบครองแทนผู้อื่น แล้วต่อมาได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินนั้นไว้เพื่อตน จะไม่ครอบครองแทนอีกต่อไป

          สำหรับที่ดินที่มีเพียงสิทธิครอบครอง เช่น ที่ดินที่มีเพียง นส. 3,  นส.3 ก., สค.1  เป็นต้น ผู้ที่จะได้สิทธิในที่ดินประเภทนี้จะต้องเป็นผู้ยึดถือที่ดินนั้นหรือมีผู้ยึดถือแทน หากขาดการยึดถือโดยมีผู้แย่งการครอบครอง ผู้แย่งการครอบครองย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครอง แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายได้บัญญัติทางแก้ไว้ให้สามารถฟ้องเรียกคืนได้ภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2509
จำเลยที่ 1 – 2 ออกโฉนดทับที่ซึ่งโจทก์ครอบครองอยู่ก่อน การออกโฉนดทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 – 2 จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ จำเลยที่ 3 – 4 รับจำนองที่พิพาทโดยไม่สุจริต ต่อมาจำเลยที่ 3 – 4 ฟ้องบังคับจำนองและซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดของศาล ย่อมเป็นการซื้อโดยไม่สุจริต ต่อมาจำเลยที่ 3 โอนทะเบียนยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 5 – 6 โดยเสน่หา โจทก์ย่อมขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมได้
          การที่จำเลยขอให้ออกและรับโฉนดที่พิพาทโดยโจทก์ไม่รู้ และการที่จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์จากที่พิพาท ไม่ใช่การแย่งการครอบครองที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566 – 1567/2509
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 นั้น ต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง มิใช่นับแต่วันรู้ว่าถูกแย่งการครอบครอง
          ตั้งแต่จำเลยขอรังวัดออกโฉนดทับที่ของโจทก์ และเจ้าพนักงานได้นัดให้เจ้าของที่ข้างเคียงไปคอยระวังเขตทำการรังวัดลงหลักเขตและออกโฉนดให้จำเลยรับไปแล้วจนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ย่อมถือว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า 1 ปีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 318/2522  
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์จำเลยมีที่ดินแนวเขตติดต่อกัน โจทก์ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อนายอำเภอ จำเลยคัดค้านอ้างว่าโจทก์ขอทับที่ดินจำเลย จำเลยเข้าไปเก็บมะพร้าวในที่พิพาทถูกโจทก์ดำเนินคดีอาญาหาว่าบุกรุกที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าต้นมะพร้าวอยู่ในที่ดินของจำเลย พฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเพียงจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้น จำเลยยังมิได้เข้าไปแย่งการครอบครองที่พิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375

แชร์ข้อมูลได้ที่นี่
Share on Facebook
Facebook
0Pin on Pinterest
Pinterest
0Tweet about this on Twitter
Twitter
Share on LinkedIn
Linkedin

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า